ทำความรู้จักเสาโรมัน องค์ประกอบสง่างามคู่คฤหาสน์หรู

เสาโรมันทั้งต้น

ความงดงามของบ้านหรู คฤหาสน์หรู จะขาดองค์ประกอบด้านสถาปัตยกรรมอย่าง ‘เสาโรมัน’ ไปไม่ได้ เพราะด้วยความโดดเด่นเป็นสง่าตั้งแต่มองเข้ามาจากรั้วบ้าน รวมถึงความหรูหราของบ้านทั้งหมดที่บ้านน้อยหลังจะสู้ได้ สิ่งเหล่านี้จึงเป็นที่นิยมมายาวนานในกลุ่มผู้ที่หลงใหลสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่านี้ เนื่องจากผสมสานความคลาสสิกและความหรูหราเข้าด้วยกัน ปัจจุบันเราจึงยังคงเห็นเสาโรมันกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญในการออกแบบคฤหาสน์และบ้านระดับไฮเอนด์นั่นเอง

บริเวณยอดเสาโรมัน

ที่มาของเสาโรมัน

เสาโรมันมีต้นกำเนิดมาจากสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ แต่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงโดยชาวโรมัน จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสถาปัตยกรรมโรมัน ชาวโรมันได้ปรับปรุงรูปแบบเสาให้มีความซับซ้อนและประณีตมากขึ้น โดยเพิ่มลวดลายและองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อสร้างความสง่างาม

ในยุคแรกเสานี้ถูกใช้เพื่อรับน้ำหนักอาคารและโครงสร้างเป็นหลัก แต่ต่อมาได้พัฒนาให้มีความสวยงามมากขึ้น จนกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการตกแต่ง โดยเฉพาะในอาคารสาธารณะ วัง และวิหาร นอกเหนือจากนี้ยังเป็นการแสดงถึงฐานะและรสนิยมของเจ้าของบ้านหรู และคฤหาสน์หรูอีกด้วย 

รูปแบบของเสาโรมันที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

ประเภทเสาโรมัน

1. เสาแบบทัสคัน (Tuscan)

เสารูปแบบนี้พัฒนามาจากสถาปัตยกรรมอีทรัสกันโบราณในแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นรูปแบบที่เก่าแก่ที่สุดของเสาโรมัน ถูกใช้ครั้งแรกในอาคารไม้และอาคารที่ต้องการความแข็งแรงเป็นหลัก แต่ปัจจุบันได้มีการนำมาปรับใช้ให้เข้ากับบ้านหลายสไตล์มากขึ้น

โดยลักษณะรูปทรงเป็นเสาทรงกระบอกเรียบ ไม่มีร่องหรือลวดลาย มีฐานเสาแบบเรียบง่าย ประกอบด้วยฐานล่างและคอเสา

ส่วนบนสุด (หัวเสา) มีลักษณะเป็นวงแหวนเรียบๆ และแผ่นสี่เหลี่ยมด้านบน สัดส่วนมีความสูง 7 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางเสาทั่วไป

ปัจจุบันนิยมสร้างให้เข้ากับบ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกและคฤหาสน์สไตล์อิตาเลียน เพราะเหมาะกับอาคารที่ต้องการความเรียบหรูและเหมาะสำหรับอาคารที่ต้องการความแข็งแรง

  • จุดเด่น : มีความเรียบง่ายที่สุดในบรรดาเสาโรมันทั้งหมด ไม่มีลวดลาย แต่คงความแข็งแรงทนทาน
  • ข้อดี : ดูแลรักษาง่าย เนื่องจากไม่มีลวดลายซับซ้อน, ต้นทุนการก่อสร้างต่ำกว่าเสาแบบอื่น, มีความแข็งแรงทนทาน สามารถปรับใช้ได้กับหลากหลายรูปแบบสถาปัตยกรรม

2. เสาแบบดอริก (Doric)

เสาแบบดอริกเป็นรูปแบบเสาที่เก่าแก่ที่สุดของกรีก เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ โดยชาวโรมันนำมาพัฒนาต่อด้วยการเพิ่มฐานเสา มักพบในวิหารและอาคารสำคัญในยุคกรีก-โรมัน 

ลักษณะทางกายภาพ คือจะมีร่องตามแนวตั้งตลอดความสูงของเสา (fluting) โดยทั่วไปมี 20 ร่อง และไม่มีฐานเสาแต่จะตั้งอยู่บนแท่นรองรับ (stylobate) โดยตรง หัวเสามีลักษณะเป็นวงแหวนเรียบ (echinus) และแผ่นสี่เหลี่ยมด้านบน (abacus) สัดส่วนมีความสูงประมาณ 6-8 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางเสาทั่วไป

ปัจจุบันเหมาะสร้างกับบ้านหรู คฤหาสน์หรู หรืออาคารแบบนีโอคลาสสิก นิยมใช้ในอาคารราชการหรือสถาบันการศึกษา และคฤหาสน์สไตล์คลาสสิก โดยมักใช้ในโครงการที่ต้องการสื่อถึงความขลัง น่าเชื่อถือ เป็นต้น

  • จุดเด่น : มีร่องตามแนวตั้ง ส่วนบนมีลวดลายเรียบง่าย การสร้างจะเน้นความสมมาตรในการจัดวาง
  • ข้อควรพิจารณา : จำเป็นต้องดูแลรักษาร่องเสาอย่างสม่ำเสมอ, ควรจัดวางให้เป็นระเบียบและสมมาตร, เหมาะกับอาคารที่มีความสูงพอสมควร, มีต้นทุนการก่อสร้างสูงกว่าเสาแบบทัสคัน เนื่องจากมีรายละเอียดมากกว่า

3. เสาแบบไอโอนิก (Ionic)

เสาโรมันแบบไอโอนิก พัฒนาขึ้นในดินแดนไอโอเนีย (ปัจจุบันคือชายฝั่งตะวันตกของตุรกี) เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางศิลปะกรีก-โรมัน นิยมใช้ในวิหารที่อุทิศให้เทพีและอาคารสำคัญ

จุดเด่นอยู่ที่หัวเสามีลวดลายม้วนคู่ (volutes) คล้ายตัวหอย มีร่องตามแนวตั้งที่ละเอียดและรูปทรงที่สูงเพรียวกว่าแบบดอริก โดยทั่วไปมี 24 ร่อง มีฐานเสาที่ประกอบด้วยชั้นวงแหวนหลายชั้น สัดส่วนมีความสูงประมาณ 8-9 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางเสาทั่วไป

ปัจจุบันนิยมนำมาสร้างคฤหาสน์หรูหราหรือบ้านหรูสไตล์วิคตอเรียน เพื่อให้เข้ากับสถาปัตยกรรมแบบพาลาเดียน จึงมีการนำมาใช้ในอาคารที่ต้องการแสดงถึงความหรูหราและมีระดับ ซึ่งเหมาะกับการออกแบบบริเวณทางเข้าหลักของอาคาร และนิยมใช้ในห้องรับแขกหรือห้องโถง หรือจะประดับตกแต่งให้เข้ากับระเบียงและชานบ้านหรู โดยเหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องการความสง่างามเป็นพิเศษ

  • จุดเด่น : มีลวดลายม้วนที่ส่วนบน คล้ายตัวหอย
  • ข้อควรพิจารณา : มีต้นทุนการก่อสร้างและการบำรุงรักษาสูง, ต้องคำนึงถึงความสมดุลในการจัดวาง และต้องดูแลรักษาลวดลายให้สวยงามอยู่เสมอ

4. เสาแบบโครินเธียน (Corinthian)

เสาโรมันแบบโครินเธียนมีต้นกำเนิดจากเมืองโครินธ์ ประเทศกรีซ รูปแบบของเสาพัฒนาขึ้นในช่วงที่จักรวรรดิโรมันรุ่งเรืองที่สุด จึงได้รับความนิยมในสถาปัตยกรรมยุโรปสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา

ลักษณะรูปทรงของเสาจะมีหัวเสาประดับด้วยลวดลายใบไม้อะแคนทัส (Acanthus) อย่างวิจิตร มีการแกะสลักลวดลายดอกไม้และก้านขด มีร่องตามแนวตั้งละเอียด โดยทั่วไปมี 24 ร่อง ฐานเสามีความซับซ้อน ประกอบด้วยชั้นวงแหวนหลายชั้น สัดส่วนมีความสูงประมาณ 10 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางเสาทั่วไป

ปัจจุบันเหมาะนำมาสร้างสำหรับพระราชวังและคฤหาสน์หรูระดับพรีเมียม นิยมใช้ในอาคารสาธารณะที่สำคัญ และมักพบในโรงแรมหรูหรา ยิ่งเป็นสถานที่ที่ต้องการแสดงถึงความมั่งคั่งและรสนิยมชั้นสูงแล้วนั้นยิ่งเหมาะมาก โดยการจัดวางควรอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน เหมาะกับบริเวณที่เป็นจุดเด่นของอาคาร ที่สำคัญจำเป็นต้องมีการวางแผนการบำรุงรักษาระยะยาว

  • ลักษณะเด่น : เสามีลวดลายใบไม้ประดับหัวเสาอย่างวิจิตรและซับซ้อนที่สุดในบรรดาเสาโรมันทั้งหมด
  • ข้อควรพิจารณา : มีต้นทุนการก่อสร้างสูงที่สุด จึงเหมาะกับคนที่มีงบประมาณสูง เพราะต้องใช้ช่างฝีมือระดับสูงในการก่อสร้างและใช้วัสดุคุณภาพดีเยี่ยมเท่านั้น โดยการดูแลจำเป็นต้องทุ่มเทดูแลรักษาสูงมาก 
เสาโรมันด้านหน้าประตูบ้าน

ขั้นตอนการดูแลรักษาเสาโรมัน

เสารูปแบบนี้ต้องการการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อคงความสวยงาม โดยในรายละเอียดที่เจาะลึกเราบอกเบื้องต้นไปแล้วในข้อความข้างต้น แต่โดยรวมแล้วเสาทุกแบบมีขั้นตอนการดูแล 4 ข้อ ดังนี้

  1. ทำความสะอาดด้วยน้ำยาที่เหมาะสมกับวัสดุ
  2. ตรวจสอบรอยร้าวและความเสียหายเป็นประจำ
  3. ป้องกันความชื้นและการกัดกร่อน
  4. บำรุงรักษาลวดลายและสีสันให้สดใหม่

เสาโรมันไม่เพียงแต่เป็นองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความหรูหราและรสนิยมชั้นสูงของเจ้าของหรือผู้อยู่อาศัย ดังนั้นการเลือกใช้เสาโรมันที่เหมาะสมจะช่วยยกระดับบ้านหรู คฤหาสน์หรูของคุณให้มีความสง่างามและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แน่นอนว่าการเลือกบริษัทก่อสร้างที่มั่นใจไว้ใจได้ในแง่ของความเชี่ยวชาญนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก หากคุณต้องการบริษัทรับสร้างบ้านหรู คฤหาสน์หรู Palazzo IA มีทีมงานมืออาชีพประสบการณ์กว่า 20 ปี พร้อมสร้างสรรค์บ้านในฝันของคุณให้เป็นจริงในสไตล์ที่โดดเด่นเหนือใคร

จันทร์ – ศุกร์: 09.00 น.- 18.30 น.
เสาร์-อาทิตย์ : ปิด

+66(0)21571894-5 ต่อ 14
marketing@palazzoia.com

15/111 ถ.วิภาวดีรังสิต ตลาดบางเขน หลักสี่ กรุงเทพฯ 10210